สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ
ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่แต่ละที่ย่อมมีความหมายและเอกลักษณ์เป็นโดดเด่นบางที่อาจจะมีประวัตที่น่าสนใจแตกต่างกันไป แต่วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคเหนือกันค่ะ
1.จังหวัดเชียงใหม่
-วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ราชวรวิหาร
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
เป็นวัดที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์และเป็นวัดท่องเที่ยว
ซึ่งเป็นที่รู้จักของประชาชนชาวไทยโดยทั่วไป ในฐานะที่เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของประเทศไทย
ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ14 กิโลเมตร อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร อยู่ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่องค์พระเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า ดอยสุเทพ
แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของฤาษี มีนามว่า สุเทวะ เป็นภาษาบาลี มีความหมายว่า
เทพเจ้าที่ดี ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า สุเทพ นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงได้ ชื่อว่า
ดอยสุเทพ ซึ่งมาจากชื่อของฤๅษี คือสุเทวะฤาษี
-อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
มีพื้นที่ประมาณ 262.50 ตารางกิโลเมตร หรือ 163,162.50 ไร่ ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่ริม อำเภอหางดง และอำเภอเมือง
ประกอบด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาที่สูงสลับซับซ้อน ดอยที่สำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ
ดอยบวกห้า และดอยปุย เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธาร
ทั้งมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญทางศาสนา
และทางประวัติศาสตร์สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มีหลากหลายประเภท
กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ จุดท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตกห้วยแก้ว
เป็นน้ำตกเล็กๆ สูงประมาณ 10 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี
รอบๆ บริเวณสวยงามด้วยทิวทัศน์และร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด
บริเวณเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เส้นทางน้ำตกห้วยแก้ว วังบัวบาน และผาเงิบ
เป็นแหล่งอาศัยของนกหลายชนิด เช่น นกกะรางหัวหงอก นกแซงแซวหางปลา นกเขาเขียว
เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรับประทานอาหารและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติได้ในบริเวณนี้สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้
เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า ระยะทางเพียง 4 กิโลเมตรจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมโดยรอบตำหนักและบริเวณภายนอก ซึ่งเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ
เฟิร์น และไม้นานาพรรณสีสันแปลกตา
โดยปกติแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
ทั้งนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ
ซึ่งปกติจะปิดในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์
นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคเหนือเขต 1
(สำนักงานเชียงใหม่)ขึ้นมาถึงดอยสุเทพแล้ว ต้องไม่ลืมสักการะพระธาตุดอยสุเทพพระธาตุประจำปีมะแม
ที่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นอกจากความงดงามของสถาปัตยกรรมล้านนาแล้ว
ที่นี่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของนครเชียงใหม่อย่างมาก
นับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่พลาดไม่ได้หากใครชอบท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ดอยแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย
นักท่องเที่ยวจะได้รับชมวิถีชีวิตของชาวเขาได้ที่พิพิธภัณฑ์ม้ง
บ้านเรือนและสวนดอกไม้สวยงาม พร้อมแต่งชุดชาวเขาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
สำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพ ที่หมู่บ้านชาวเขาแห่งนี้ มีทัศนียภาพที่สวยงาม ด้วยสีของพรรณไม้
และป่าเขาเบื้องล่าง
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปหัตถกรรมของชาวเขาหลากหลายรูปแบบให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
2.จังหวัดเชียงราย
-วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) อยู่ในท้องที่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง
ได้รับการบูรณะโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชาวเชียงรายผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) จากวัดเล็กๆ ซึ่งอยู่ในสภาพค่อนข้างเสื่อมโทรมนี้ ได้กลายเป็นศาสนสถานที่สวยงาม ด้วยสถาปัตยกรรมและงานศิลปะ เต็มไปด้วยลวดลายอ่อนช้อย ประณีต ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมวัดนี้อย่างคับคั่งตลอดปี
อุโบสถของวัดร่องขุ่นมีสีขาวบริสุทธิ์สะอาด ซึ่งได้กลายเป็นเอกลักษณ์ เป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งพากันเรียกวัดร่องขุ่นว่า วัดขาว(Thailand White Temple) ประดับประดาด้วยช่อฟ้าใบระกาอย่างวิจิตรอลังการ ตามด้วยลวดลายอ่อนช้อยอื่นๆ อีกมากมายเป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันลงมาหน้าบันประดับด้วยพญานาคและติดกระจกระยิบระยับ โดยความตั้งใจของผู้สร้างนั้น ต้องการสื่อสัญลักษณ์ต่างๆ ในพุทธศาสนา โดยสีขาวหมายถึง พระบริสุทธิคุณ ส่วนกระจกหมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่ส่องแสงโชติช่วงชัชวาล นอกจากนี้ตัวพระอุโบสถยังสร้างอยู่บนเนินเตี้ย ๆ ที่มีทะเลสาบใสสะอาดสะท้อนเงาอาคารได้อย่างชัดเจนและทางเดินเข้าอุโบสถที่เป็นสะพานทอดยาวนั้น ก็หมายถึงการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ส่วนบนของหลังคาได้นำหลักธรรมอันสำคัญยิ่ง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา มาแสดงออกในรูปของสัตว์ในช่อฟ้าชั้นต่าง ๆ และภายในอุโบสถยังมีภาพจิตกรรมฝาผนัง รวมทั้งอาคารแสดงภาพวาดที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด เพื่อแสดงผลงานของอาจารย์เฉลิมชัยให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมอีกเช่นกัน
-พระธาตุดอยตุง
พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 บนทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย
(กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยมประเทศ
นับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย
เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ
(ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย
ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป
เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า ดอยตุง
ทั้งนี้พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงจะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน สหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี
ทั้งนี้พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงจะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน สหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี
3.จังหวัดพะเยา
- กว๊านพะเยา
กว๊านพะเยา อยู่ในอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1
ในภาคเหนือ และอันดับ 4 ในประเทศไทย
คำว่า “กว๊าน” ภาษาพื้นเมืองหมายถึง
“บึง” กว๊านพะเยา จึงเป็นบึงน้ำอันกว้างใหญ่สุดสายตา โอบล้อมขุนเขาดอยแม่ใจ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านทิศตะวันตก
ในยามเย็นและยามเช้าตรู่สีสันของท้องฟ้า ริมถนนชายกว๊านในเมืองพะเยา
ซึ่งด้านหนึ่งเปิดโล่งสู่กว๊านพะเยา มีต้นมะพร้าวเรียงราย สร้างบรรยากาศเหมือนกับเมืองชายทะเล
ผู้คนต่างพากันมาพักผ่อนนั่งรับประทานอาหาร บ้างก็เดินเล่นกินลมชมวิว
ขี่จักรยานออกกำลังกาย
พร้อมกับชมบรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดงเหนือผืนน้ำอันเงียบสงบ หากมาเที่ยวในวันสุดสัปดาห์
ตามร้านอาหารริมกว๊านต่างถูกจับจองด้วยนักท่องเที่ยวที่มานั่งกินดื่ม
ชิมอาหารเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 3 เดือน 6 และเดือน 8 ซึ่งตรงกับมาฆบูชา วิสาขบูชา
และอาสาฬหบูชา จะมีพิธีเวียนเทียนกลางน้ำในยามใกล้ค่ำ
ชาวเมืองต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียน
ล่องเรือไปเวียนเทียนบูชาองค์หลวงพ่อศิลากลางน้ำ 3 รอบ กว๊านพะเยาในยามนี้จะงดงามด้วยแสงประทีบท่ามกลางสีสันของท้องฟ้าและผืนน้ำ
กว้างใหญ่ในวันพระจันทร์เต็มดวงพื้นบ้าน ทั้งปลาเผา กุ้งเผา กุ้งเต้น
ที่มีเรียงรายหลายร้าน ถัดจากบริเวณนี้สามารถเดินเรื่อย
ๆ ต่อไปยังถนนคนเดินที่จัดให้มีขึ้นในวันสุดสัปดาห์ มีสินค้าอาหารให้เลือกซื้อเลือกชิมกันมากมายหลากหลายชนิด
ทั้งอาหารคาวหวาน เสื้อผ้า ของใช้ ของประดับตกแต่งมากมาย
-อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง
มีเนื้อที่ประมาณ 512 ตารางกิโลเมตร หรือ 320,000 ไร่
ครอบคลุมพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ อำเภอปง และอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา มีสภาพป่าแตกต่างกันไป
ได้แก่ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง
ภูมิประเทศทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้
มีพื้นที่ราบลุ่มของอำเภอเชียงม่วนอยู่ตอนกลาง มีดอยภูนางสูง 1,202 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นต้นน้ำสำคัญที่ไหลลงสู่แม่น้ำแม่ยมทั้งหมด
ภายในอุทยานฯ ดอยภูนาง
มีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจได้แก่น้ำตกธารสวรรค์ มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนชั้นเดียว
แต่กว้างประมาณ 15 เมตร แบ่งออกเป็นสองฝั่ง
ฝั่งซ้ายมีแอ่งน้ำด้านล่างสามารถลงเล่นน้ำได้
ส่วนฝั่งขวาลักษณะเป็นโขดหินน้อยใหญ่สามารถเดินเล่นได้เช่นกัน
ก่อนทางเข้าอุทยานยังมีทุ่งดอกทานตะวันเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากๆ
ของอุทยานด้วย ที่เที่ยวรอบๆ อุทยานฯ ดอยภูนางยังมีอีกมาก โดยเฉพาะที่ฝั่งต้า
อยู่ในเขตติดต่อกับบ้านไชยสถาน หมู่ที่ 4 ตำบลเชียงม่วน
ลักษณะคล้ายแพะเมืองผี เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์
4.จังหวัดลำพูน
-วัดพระพุทธบาทตากผ้า
วัดนี้เป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน
บนม่อนดอยเบื้องหลังวัดได้มีการสร้างพระเจดีย์
ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย โดยมีบันไดนาค 469 ขั้น
เชื่อมระหว่างเจดีย์บนม่อนดอยกับวัดพระบาทตากผ้าที่เชิงดอย
ปัจจุบันสามารถนำรถขึ้นไปได้ เมื่อถึงวันอัฐมีบูชา แรม 8 ค่ำ เดือนแปด
ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่วัดมีประเพณีสรงน้ำพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี ติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ 0
5357 2961, 0 5300 5200 หรือเว็บไซต์ phrabat.com การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 106 บริเวณกิโลเมตรที่ 136-137 เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร
-อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่
อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก
เป็นป่าที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่า
มีทิวเขาทอดยาวเหยียดสลับซับซ้อน ลำห้วยน้อยใหญ่หลายสิบสาขาไหลผ่านที่สำคัญ คือ
ลำห้วยแม่หาด ลำห้วยแม่ก้อ และทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล
มีเนื้อที่ประมาณ 627,346 ไร่
หรือ 1,003.7536 ตารางกิโลเมตร
โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ "ดอนห้วยหลาว"
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสูงประมาณ 1,334 เมตรจากระดับน้ำ
5.จังหวัดแม่ฮ่องสอน
-อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
ตั้งอยู่บนเทือกเขาถนนธงชัย
มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย
จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม)
ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก อีกทั้งยังสามารถมองเห็นดอยเชียงดาว
และคอยชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมทะเลหมอกในช่วงเช้าตรู่ได้
ซึ่งทะเลหมอกที่ห้วยน้ำดังแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงดงามมาก จนได้รับการโหวตให้เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
นอกจากนี้ในช่วงปลายฤดูหนาวคุณจะได้พบกับดอกไม้ที่กำลังจะเบ่งบานนับว่าเป็นภาพที่สวยงดงามไม่สามารถหาที่ใดเปรียบได้
มากกว่านั้นอยากแนะนำให้แวะ พระตำหนักเอื้องเงิน ชมไม้เมืองหนาวหลากสีสัน หรือจะไป
ดอยช้าง เพื่อดื่มด่ำไปกับวิวทิวทัศน์
พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และไป น้ำตกห้วยน้ำดัง
น้ำตกแม่เย็น ให้ชุ่มฉ่ำปอดก่อนกลับบ้านกันด้วย
-วัดพระธาตุดอยกองมู
ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เดิมชื่อ "วัดปลายดอย" เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ
ประกอบไปด้วยพระธาตุเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ 2 องค์
และวิหารพระศิลปะไทใหญ่ เจดีย์องค์พี่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2403 โดยจองต่องสู่ พ่อค้าชาวไต ภายในบรรจุพระธาตุของพระมหาโมคคัลลานะเถระ
ซึ่งอัญเชิญมาจากพม่า ส่วนองค์น้องสร้างโดยพญาสิงหนาทราชา
เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนท่านแรก ฐานเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดปางต่าง ๆ
เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนมาช้านาน นอกจากกราบขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว
ยังสามารถชมวิวตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในมุมสูงที่สุด นับว่าเป็นภาพที่สวยงดงามมากเลยทีเดียว
6.จังหวัดลำปาง
-วัดพระธาตุลำปางหลวง
วัดพระธาตุลำปางหลวง
ตั้งอยู่ในเขตตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา
อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๑๘ กิโลเมตร
ตัววัดตั้งอยู่บนเนินสูง มีการจัดวางผัง และส่วนประกอบของวัดสมบูรณ์แบบที่สุด
มีสิ่งก่อสร้าง และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ บริเวณพุทธาวาสประกอบด้วย
องค์พระธาตุลำปางหลวง เป็นประธาน มีบันไดนาคนำขึ้นไปสู่ซุ้มประตูโขง
ถัดซุ้มประตูโขงขึ้นไปเป็น วิหารหลวง
บริเวณทิศเหนือขององค์พระธาตุมีวิหารบริวารตั้งอยู่คือ วิหารน้ำแต้ม และ
วิหารต้นแก้ว ด้านตะวันตกขององค์พระธาตุประกอบด้วย วิหารละโว้ และ หอพระพุทธบาท
ด้านใต้มี วิหารพระพุทธ และ อุโบสถ
ทั้งหมดนี้จะแวดล้อมด้วยแนวกำแพงแก้วทั้งสี่ด้าน
นอกกำแพงแก้วด้านใต้มีประตูที่จะนำไปสู่เขตสังฆาวาส ซึ่งประกอบด้วยอาคาร
หอพระไตรปิฎก กุฏิประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้า อาคารพิพิธภัณฑ์และกุฏิสงฆ์
เส้นทางรอบเมืองเล็ก ขึ้นที่ศาลากลางเก่ารถจะเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกเข้าถนนทิพย์ช้าง
สองฟากถนนมีร้านค้าที่เป็นตึกแถวเก่าๆ ให้ชมก่อนจะเลี้ยวซ้ายที่สามแยกการไฟ ฟ้าฯจะเห็นแม่น้ำวังไหลขนานไปกับถนนทางด้านขวา
ผ่านห้าแยกหอนาฬิกา
ซึ่งเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของเมืองนักท่องเที่ยวมักถ่ายภาพคู่กับรถม้า
เป็นที่ระลึกกันที่จุดนี้
จากนั้นรถม้าจะพาเข้าถนนบุญวาทย์อันเป็นย่านใจกลางธุรกิจการค้า
ตึกแถวสองฟากเป็นสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ และมาสิ้นสุดตรงจุดเดิม ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีที่ลำขึ้นที่ศาลากลางเก่าเป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางรถม้ารอบเมือง
เล็กไปจนถึง สามแยกการไฟฟ้าฯ
แต่ไม่เลี้ยวซ้ายไปหอนาฬิกาจะตรงไปตามถนนวังขวาเลียบแม่น้ำวัง
ผ่านบ้านไม้เก่าชื่อบ้านเก่าทางด้านซ้ายมือ ผ่านสวนสาธารณะเขลางนคร
เลี้ยวซ้ายข้างสวนมาผ่านย่านตลาดอัศวินซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่
คึกคักบนถนนท่าคร่าวน้อย ผ่านห้าแยกหอนาฬิกาเข้าถนนบุญวาทย์ สิ้นสุดทางที่จุดเดิม
ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ราคา 200 บาทหากเช่าเป็นชั่วโมง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเส้นทางชมเมืองได้ตามความต้องการ
เช่น ข้ามแม่น้ำวังบนสะพาน ชมบ้านเสานัก ชมวัดพระแก้วดอนเต้า และวัดต่างๆ
และนมัสการหลวงพ่อเกษม ราคา 300 บาทเขาเป็นสมาคมรถม้าดูแล
ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เรียกราคาตามใจชอบ รถม้าจะจอดเป็นจุดๆ 10 จุด
7. จังหวัดแพร่
-พระธาตุช่อแฮ
วัดพระธาตุช่อแฮ เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่
ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1879-1881 ในสมัยพระมหาธรรมราชาธิราช
( ลิไท ) โดยขุนลัวะอ้ายก๊อม
พระธาตุช่อแฮเป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ
พระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะเชียงแสน
สูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร สร้างด้วยอิฐโบกปูน หุ้มด้วยแผ่นทองเหลือง ลงรักปิดทอง
สำหรับชื่อพระธาตุช่อแฮนั้น บ้างว่าได้มาจากชื่อ ผ้าแพรชั้นดี
ซึ่งทอจากสิบสองปันนาและชาวบ้านนำมาผูกบูชาพระธาตุ บ้างก็ว่ามาจาก
ผ้าแพรที่ขุนลัวะอ้ายก๊อมนำมาถวาย ทุกปีจะมี งานนมัสการพระธาตุ
ในวันขึ้น 9 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี
-วนอุทยานแห่งชาติแพะเมืองผี
วนอุทยานแพะเมืองผี เมื่อครั้งในอดีตกาลนานมาแล้ว
ชาวบ้านขนานนามว่า เป็น “แพะเมืองผี ” ไม่มีผู้ใดทราบ ประวัติเป็นที่ แน่นอน
แต่ได้เล่าสืบทอดกันมาว่า แต่ก่อนบริเวณป่าแห่งนี้ เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์
มีพันธ์ไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หนาแน่นและสัตว์ป่า น้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก
ในสมัยนั้นมีครูบาปัญโญ ฯ เป็นเจ้าอาวาสวัดน้ำชำ ตำบลน้ำชำ
ซึ่งชาวบ้านได้พร้อมใจกันนิมนต์มาเป็น เจ้า-อาวาสองค์แรก
ของวัดน้ำชำและได้บอกเล่าประวัติแพะเมืองผีสืบทอดติดต่อกันมาว่า
มีหญิงชราคนหนึ่งซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ ย่าสุ่ม ” เข้าไปหาผัก หน่อไม้
เป็นอาหาร แต่หลงป่าแล้วไปพบหลุมเงิน ทองคำ จึงได้นำเงิน และทองคำ
ใส่ถุงแล้วเตรียมหาบ จะกลับบ้าน เสร็จแล้วเกิดหลงป่าอีก โดยไม่สามารถนำเอาหาบเงิน
ทองคำ ออกมาได้ ย่าสุ่มจึงวางหาบจะกลับบ้านเสร็จแล้วเกิด หลงป่าอีก
โดยไม่สามารถนำเอาหาบเงิน ทองคำออกมาได้ ย่าสุ่มจึงวางหาบแล้วหาไม้มาคาดเป็นราว
(ราวไม้) ต่อมาออกจากป่าจน ถึงบ้านและ เดินกลับไปราวไม้ที่คาดไว้เป็นแนวทางไว้
ซึ่งปัจจุบันเป็นร่องทางน้ำพบเห็นได้ เป็นแนวออกไปทางบ้านน้ำชำ ทิศตะวัน ออกของ
แพะเมืองผี ย่าสุ่ม จึงได้ชักชวนชาวบ้านให้เข้าไปด้วยปรากฏว่า
ชาวบ้านก็ได้ติดตามย่าสุ่มเข้าไปถึงจุดที่ ย่าสุ่มวางหาบไว้แต่ ไม่พบเงินและทองคำ
ในหาบแต่อย่าใด ไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร ชาวบ้านจึงขนานนามสถานที่นั้นว่า “
แพะย่าสุ่มคาดราว ” และได้ช่วยกันค้นหา
พบรอยเท้าคนเดินและชาวบ้านได้เดินตามรอยเท้าเหล่านั้นไปจนกระทั่งมาถึงพื้นที่ซึ่งชาวบ้าน
ขนานนามว่า “ แพะเมืองผี ” ภาษาพื้นเมืองทางภาคเหนือคำว่า
“แพะ ” ในที่นี้หมายถึงป่าแพะนั่นเอง ส่วนคำว่าเมืองผีก็เป็นชื่อ
ที่ชาวบ้านเรียก กันสืบมาในสมัยดึกดำบรรพ์
โดยอาจจะเห็นว่าป่าแพะตรงนี้มีลักษณะพิศดาลของภูมิประเทศ
และเพราะความเร้นลับตามเรื่องราว
ที่เชื่อถือเล่าสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็อาจเป็นได้
8.จังหวัดน่าน
-ดอยเสมอดาว
ดอยเสมอดาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน
ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
เป็นจุดชมวิวที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติศรีน่านและจังหวัด น่าน
มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา เหมาะสำหรับการนอนเต็นท์พักผ่อน เพื่อชมทะเลหมอก
พระอาทิตย์ขึ้น และนอนดูดาว ดอยเสมอดาวเป็นแนวสันเขาซึ่งมีความสูงไม่มากนัก
โดยสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 888 เมตร
แต่สามารถชมวิวทิวทัศน์ยอดเขาน้อยใหญ่ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
พร้อมทั้งแม่น้ำน่านที่อยู่เบื้องล่าง
เมื่อยืนอยู่บริเวณจุดชมวิวจะสามารถมองเห็นขุนเขาโดยรอบได้อย่างชัดเจน บรรยากาศเงียบสงบ
โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่คุณจะรู้สึกได้ว่ามีเพียงธรรมชาติเท่านั้นที่อยู่รอบ ๆ ตัว
เบื้องล่างคือขุนเขา ป่าไม้ ส่วนด้านบนก็เป็นทะเลดาว โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตลอดทั้งปี
ในช่วงต้นเดือนมีนาคมจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมจะมีอุณหภูมิสูงที่สุด ส่วนกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคมจะเป็นฤดูฝน
และตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์จะมีอากาศหนาวเย็น
แต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ช่วงหน้าร้อนท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง
มองเห็นวิวทิวทัศน์รอบด้านได้ชัดเจนที่สุด ส่วนหน้าฝนอากาศจะเย็นสบาย
ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ส่วนหน้าหนาวก็จะมีอากาศเย็นจับใจ
ชมทะเลหมอกได้อย่างงดงามที่สุด
-พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
ลักษณะตัวอาคารโอ่โถงงดงามก่ออิฐถือปูนแข็งแรง
แต่ตกแต่งให้อ่อนช้อยสวยงามด้วยลายลูกไม้ นับเป็น
สถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ดีเด่นแห่งหนึ่งของ เมืองไทย
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช
ผู้เป็นเจ้าของหอคำแห่งนี้ด้วย กรมศิลปากรได้รับมอบอาคารหอคำเพื่อใช้เป็น
พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติจังหวัดน่าน เมื่อปี พ.ศ. 2517 แล้วจึงนำโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ
โบราณคดี และชาติพันธุ์ วิทยาประจำท้องถิ่นมาจัดแสดงให้ชม อย่างมีระบบและ
ระเบียบสวยงาม ส่วนที่เป็นห้องจัด แสดงชั้นล่าง
จัดแสดงชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับล้านนา เช่น ลักษณะอาคาร บ้านเรือนและเครื่องใช้ใน
ชีวิตประจำวัน การทอผ้าและผ้าพื้นเมืองน่านแบบต่างๆ ที่สวยงามมาก
การสาธิตงานประเพณีและความเชื่อ ต่างๆ เช่น การแข่งเรือ จุดบ้องไฟสงกรานต์
และพิธีสืบชะตา เป็นต้น จัดแสดงห้องโถงข้างล่างนี้
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และเครื่องใช้ของชนกลุ่มน้อยในเมืองน่าน
รวม 5 เผ่าด้วยกัน คือ ไทยลื้อ แม้ว เย้า ถิ่น
และผีตองเหลือง ส่วนบริเวณห้องจัดแสดงชั้นบน
เป็นการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน การสร้างเมือง และ
โบราณสถานที่สำคัญ รูปถ่ายโบราณ งานประณีตศิลป์ เครื่องใช้ เงินตรา อาวุธ
ศิลาจารึก และเครื่องถ้วยชามที่ค้นพบในเมืองน่าน ที่สำคัญที่สุดได้แก่ ห้องเก็บ
"งาช้างดำ" ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุ คู่เมืองน่าน
ตามประวัติกล่าวไว้ว่าได้มาจากเมืองเชียงตุง ตั้งแต่ครั้งโบราณ
เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย
เจ้านายบุตรหลานจึงมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดินพร้อม หอคอย ลักษณะของงาช้างดำนี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้ำตาลเข้า
ขนาดความยาว 97 เซนติเมตร วัดโดยรอบ 47 เซนติเมตร มีน้ำหนัก ประมาณ 18 กิโลกรัม
ส่วนปลายมนมีจารึกอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยกำกับไว้ว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่ง
หมื่นห้าพัน" หรือประมาณ 18 กิโลกรัม
9.อุตรดิตถ์
-อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด
ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม
ตำบลบ้านโคกอำเภอบ้านโคกตำบลห้วยมุ่นอำเภอน้ำปาดจังหวัดอุตรดิตถ์ตำบลบ่อภาคอำเภอชาติตระการจังหวัดพิษณุโลก
เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม
เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูง จากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย
จุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว คือ
การได้ชมทุ่งดอกไม้สีม่วงที่เรียกว่า"ดอกหงอนนาค"
และดอกไม้หลากสีสันสลับให้เห็นอยู่ทั่วลานสน ซึ่งจะบานในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน
ส.ค. - ก.ย ของทุกปี
-เขื่อนสิริกิติ์
เขื่อนสิริกิติ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลผาเลือด
อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์
ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ไปทางทิศตะวันออกเพียงแค่ประมาณ 58 กิโลเมตรเท่านั้น
โดยเขื่อนสิริกิติ์ มีลักษณะของเขื่อนเป็นเขื่อนดิน
แกนกลางเป็นดินเหนียว สูง 133.60 เมตร ยาว 810 เมตร
กว้าง 12 เมตร อ่างเก็บน้ำสามารถเก็บกักน้ำได้ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร สร้างโดยกรมชลประทาน เมื่อปี พ.ศ. 2506 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2515 โดยก่อสร้างขึ้นปิดกั้นแม่น้ำน่าน
ณ บริเวณเขาผาซ่อม เดิมจึงชื่อ "เขื่อนผาซ่อม"
ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ ขนานนามว่า "เขื่อนสิริกิติ์" เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2511
ประโยชน์ของเขื่อนสิริกิติ์มีหลากหลายประการ
ได้แก่ การชลประทาน, การบรรเทาอุทกภัย, การผลิตกระแสไฟฟ้า, การประมง, การคมนาคมทางน้ำ และการท่องเที่ยว ส่วนของการท่องเที่ยว
ด้วยเขื่อนสิริกิติ์มีทิวทัศน์ที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่
จึงเหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อน อากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี
มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายแบบ ทั้งการล่องเรือเที่ยวรอบ ๆ เขื่อน, การถ่ายรูปชมวิวบนสันเขื่อน, การขี่จักรยานเที่ยวรอบเขื่อน,
กีฬาตีกอล์ฟ, สักการะพระพุทธสิริสัตตราช,
ทานอาหารริมเขื่อน หรือพักผ่อนบริเวณสวนสุมาลัย เป็นต้น โดยเฉพาะบริเวณสวนสุมาลัย
ที่ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.)
สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
ซึ่งภายในสวนจะมีต้นไม้หลากหลายชนิด ร่มรื่นน่าเดินเที่ยวชม
มีสระบัวและประติมากรรมสู่แสงสว่างให้ได้เดินถ่ายรูปกันเพลิน ๆ