สลัดผักเพื่อสุขภาพ
ที่มาของสลัด
มีชายคนหนึ่งนามว่า Caesar ชาวอิตาลีได้คิดค้นเมนูที่ชื่อว่า สลัด ขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1924 เมื่อมีลูกค้าเต็มร้านและของหมดเขาได้นำวัตถุดิบที่เหลือมาคลุกต่อหน้าลูกค้าจนเกิดเป็นอาหารที่ติดอกติดใจลูกค้านาย Caesar ได้ตั้งชื่อสลัดจานนั้นว่า "Aviator Salad" ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น Caesar Salad จะสังเกตุได้ว่าธรรมเนียมเดิมของการทำสลัดไม่ได้คลุกผักกับน้ำสลัดมาจากครัวแต่จะมาคลุกต่อหน้าลูกค้า นับว่าเป็นการสร้างความบังเทิงทางสายตาให้แก่ลูกค้าและในปัจจุบันคนส่วนส่วนใหญ่มักรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
เช่น อาหาร Fast food ของหวานต่างๆ
ซึ่งอาหารเหล่านั้นทำให้เสียสุขภาพและเกิดโรคต่างๆตามมา กลุ่มของดิฉันจึงทำโครงงาน
“สลัดผัก”
ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ “สลัดผัก” เนื่องจากจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว
ยังทำให้ผู้รับประทานได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์เมื่อรับประทานแล้วจะทำให้ร่างกายต่อต้านอนุมูลอิสระ
หลายๆคนคงชอบทานสลัดเป็นอาหารมื้อเช้าหรือเย็น
เพื่อควบคุมน้ำหนัก นอกจากสลัดจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้แล้ว
ยังมีประโยชน์ทางโภชนาการสูงมากอีกด้วย เพราะ ผักสลัด แต่ละชนิดนั้น
ล้วนมีประโยชน์อย่างมาก ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่า ผักสลัด นั้นมีประโยชน์
แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า ผักสลัด แต่ละชนิดนั้นให้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง
วันนี้นำความรู้มาฝากกันค่ะ
ผัดสลัด หรือผักกาดหอม
มีคุณค่าทางโภชนาการ
คือ ประกอบด้วยวิตามินบี วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และลูเทียน (lutein)
มียาง (latex)
ชื่อ แลคทูคาเรียม (lactucarium)
ซึ่งมีระดับสูงมากขณะออกดอก
นอกจากนั้นยังมีวิตามินบีสูงด้วย
สรรพคุณของผักกาดหอมและวิธีใช้ผักกาดหอม
นั้นมักใช้เป็น ผักสลัด มีสารต้านมะเร็งและสารต้านอนุมูลอิสระ
เช่นเดียวกับผักสลัดที่มีสีเขียวอื่น ๆ ส่วนที่ใช้ประโยชน์ของผักกาดหอมคือ ใบ
เมล็ด และต้น ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณแตกต่างกันดังต่อไปนี้
-ต้นผักกาดหอมทั้งต้นคั้นเอาแต่น้ำ น้ำที่ได้มาทาฝีมะม่วง
(รีดหนองออกก่อน) ใช้ขับพยาธิ แก้พิษ
ขับลม เป้นยาระบาย
-ใบผักกาดหอม น้ำคั้นจากใบ ใช้แก้ไอ ทำให้หลับง่าย แก้ไข้ ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ
-เมล็ดผักกาดหอม ใช้รักษาโรคตับ ขับปัสสาวะ ขับน้ำนม ระงับปวด แก้ปวดเอว
และรักษาโรคริดสีดวงทวาร
กรีนโอ๊ค
ช่วยบำรุงสายตา บำรุงเส้นผม บำรุงประสาทและกล้ามเนื้อ บำรุงผิวพรรณ ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ให้เส้นใยอาหาร ขจัดอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคปากนกกระจอก ป้องกันโรคหวัด
กะหล่ำปลีม่วง
เป็นพืชที่มีเยื่อใยอาหารสูงและอุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารหลายชนิด เช่น โปรตีน (สาร indols ซึ่งเป็นผลึกที่แยกมาจาก trytophan กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย) คาร์โบไฮเดรต โซเดียม วิตามินซีซึ่งพบค่อนข้างมากกว่า กะหล่ำปลีสีเขียวถึงสองเท่า ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันมีสารซัลเฟอร์ (Sulfer) ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่และต้านสารก่อมะเร็งที่เข้าสู่ร่างกาย การกินกะหล่ำปลีบ่อย ๆ จะช่วยลดโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งในช่องท้อง ลดระดับคลอเรส เตอรอลและช่วยงับประสาททำให้นอนหลับดี น้ำกะหล่ำปลีคั้นสด ๆ ช่วยรักษาโรคกระเพาะ อย่างไรก็ตามกะหล่ำปลีมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า goitrogen เล็กน้อย ถ้าสารนี้มีมากจะไปขัดขวางกาทำงานของต่อมไทรอยด์ทำให้นำไอโอดีนในเลือดไปใช้ ได้น้อย ดังนั้นไม่ควรกินกะหล่ำปลีสด ๆ วันละ 1-2 กก. แต่ถ้าสุกแล้วสาร goitrogen จะหายไป กะหล่ำปลีแดงนิยมรับประทานสด เช่น ในสลัดหรือนำมาตกแต่งจานอาหาร การนำมาประกอบอาหารไม่ควรผ่านความร้อนนาน เพราะจะทำให้สูญเสียวิตามินและคุณค่าอาหาร
มะเขือเทศ
ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45% ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดเลือดออกตามไรฟัน ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
แครอท
บำรุงสุขภาพผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง ป้องกันเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายจากมลภาวะแสงแดดต่าง ๆ
ข้าวโพด
ข้าวโพด ช่วยบำรุงสายตา ในข้าวโพดจะมีสาร เบต้าแคโรทีน (β-carotene) หรือที่เรารู้กันว่าเป็น โปรวิตามินเอ ร่างกายเราจะนำไปใช้สร้างสาร โรดอปซินนะครับช่วยให้ลดอัตราเสื่อมของลูกตาและป้องกันการเป็นโรคต้อกระจกตาด้วย อีกทั้งยังมี โฟเลตซึ่งจะช่วย สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอในการเสื่อมสภาพของร่างกาย
ต้านมะเร็ง นอกจาก ข้าวโพด จะมีสารที่ช่วยในการสร้าง โรดอปซิน ที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ข้าวโพด ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรค มะเร็งปอด และเส้นใยในข้าวโพดยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารเพื่อสุขภาพจึงลดความเสี่ยงของโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่
แตงกวา
ให้รู้สึกสบายตัว แก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารสมบูรณ์ขึ้น
หัวหอมใหญ่
ป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่าง ๆ ได้ เนื่องจากหอมใหญ่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากและมีคุณสมบัติช่วยทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกง่วง ช่วยในการนอนหลับได้สบาย
และส่วนสำคัญที่สุดของสลัดก็คือ น้ำสลัด นั่นเองวันนี้เราจะมาทำน้ำสลัดกันนะคะ
ส่วนผสม
1.ไข่แดง 2 ฟอง
2.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
5.เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
6.พริกไทย 1/2 ช้อนชา
7.มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมันถั่วเหลือง 1 ถ้วย
9.นมข้นหวาน 4 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนที่ 1
ขั้นตอนที่ 1
ปั่นไข่แดงและน้ำตาลจนฟูแล้วเติมเกลือ มัสตาร์ด น้ำส้มสายชูและมะนาวตีให้เข้ากันอีกครั้ง
ปั่นจนให้ได้ลักษณะมีฟองขึ้นแบบนี้
ขั้นตอนที่ 2
ค่อยๆเติมน้ำมันลงไปทีละน้อยแล้วปั่นไปเรื่อยๆจนน้ำมันหมด
ขั้นตอนที่ 3
เติมนมข้นหวานลงไปแล้วปั่นให้เข้ากันจนน้ำสลัดมีลักษณะข้น ใส่พริกไทยตามหลังแล้วจึงปั่นอีกรอบให้เข้ากัน
เมื่อเสร็จแล้วลักษณะจะออกมาเป็นแบบนี้
เมื่อเสร็จแล้วลักษณะจะออกมาเป็นแบบนี้
คำถาม 10 ข้อ
2.เนื้อหาของบล็อกมีความครบถ้วน
3.เนื้อหามีความเหมาะสมต่อการค้นคว้า
4.เนื้อหาของบล็อกมีความ ชัดเจน เข้าใจง่าย
5.เนื้อหานี้มีการส่งเสริมต่อการเรียนรู้ได้ดี
6.การออกเเบบสื่อมีความสวยงาม ทั้งภาพ ตัวอักษร มีความน่าสนใจ
7.สามารถนำสื่อนี้ไปใช้ในชีวิตปรัจำวันได้
8.ขั้นตอนเนื้อหามีความน่าสนใจ
9.มีความรู้เกี่วกับในด้านนี้มากขึ้น
10.พึงพอใจต่อการนำเสนอผ่านสื่อนี้มาก
ตอบคำถามผ่านทางความคิดเห็นด้วยการให้คะเเนน ดังนี้
4=ดีมาก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรับปรุง
ตัวอย่าง
1.4
2.3
3.2
4.1
.
.
.
By.Pick Me